10 สถานที่ท่องเที่ยวแปลกใหม่

สำหรับเทรนด์การท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ดูจะมุ่งเน้นไปที่สถานที่ ท่องเที่ยวแปลกๆใหม่ๆมากขึ้นสำหรับ 10 สถานที่ท่องเที่ยวแปลกใหม่ จะมีที่ไหนบ้าง จะใช่อย่างที่เราคิดไว้หรือเปล่าเราไปดูกันดีกว่า

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สถานที่ท่องเที่ยวแปลกๆ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก


1. เดอะเวฟ (The Wave) ที่รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา

     "เดอะเวฟ" คือ ภูเขาหินทรายที่ฟอร์มตัวในลักษณะคล้ายคลื่นลาดชัน เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 190 ล้านปีก่อนหรือในยุคจูรา สสิก เนื่องจากพื้นที่แถบนี้มีความเปราะบางมาก ทางการจึงจำกัดให้เข้าชมได้เพียงวันละไม่เกิน 20 คน และต้องเดินเท้าเข้าไปเกือบ 5 ก.ม. จึงจะถึงดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้





2. Tessellated Pavement บนเกาะแทสเมเนีย (ประเทศออสเตรเลีย)

     นี่คือภาพ ลานหินตะกอนบริเวณชายฝั่งที่ Eaglehawk Neck บน เกาะแทสมาเนีย ซึ่งถ้าหากมองเผินๆ จะแลดูคล้ายมีใครนำแผ่นกระเบื้องสี่ เหลี่ยมขนาดใหญ่มาวางเรียงรายริมทะเล (บริเวณขอบสี่เหลี่ยมที่เราเห็นเป็น แนวเส้นตรงนั้น เกิดจากแรงตึงเครียดของผิวโลก ผนวกกับการกัดเซาะอย่างต่อเนื่องของคลื่นและแรงเสียดสีของทราย) 



3. หินรูป ทรงประหลาด ในทะเลทรายขาว (White Desert) ประเทศ อียิปต์

     ทะเลทราย แห่งนี้ตั้งอยู่ใน Farafra Oasis มีลักษณะเป็นสี ขาวและครีม ประกอบด้วยกลุ่มหินชอล์ครูปทรงประหลาดขนาดใหญ่มากมาย อันเป็นผลงานของพายุทรายที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว 




4. บ่อ น้ำพุร้อนสีเลือด (Blood Pond Hot Spring) ที่เบป ปุ ประเทศญี่ปุ่น

     น้ำพุร้อน สีเลือด (Chinoike Jigoku) เป็นหนึ่งในบ่อน้ำพุ ร้อนชื่อดังของเมืองเบปปุ ในจังหวัดโออิตะ บนเกาะคิวชู สาเหตุที่น้ำพุมีสีเลือดเนื่องจากมีธาตุเหล็กอยู่ในปริมาณมากนั่น เอง 


5. Giant's Causeway ที่ไอร์แลนด์เหนือ

     Giant's Causeway เป็นชายฝั่งที่เกิดจากการเย็นตัวของหินภูเขาไฟเมื่อ ประมาณ 50,000 ถึง 60,000 ปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดหินรูปหกเหลี่ยมและหินแท่งสี่เหลี่ยมกว่า 40,000 แท่ง องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียน Giant´s Causeway เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529) 


6. ทะเล เกลือ (salt flats) ที่ Salar de Uyuni ประเทศโบลิเวีย

     จริงๆ แล้วที่ราบเกลือหรือทะเลเกลือลักษณะนี้มีอยู่หลายแห่ง ด้วยกัน แต่ทะเลเกลือที่ Salar de Uyuni ของประเทศ โบลิเวียนั้น มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลมากถึง 10,582 ตารางกิโลเมตร 


7. ป่าหิน (Stone Forest) เมืองคุนหมิง มลฑลยูนาน ประเทศจีน

     อุทยานป่าหิน ( Shilin National Park) ใน เมืองคุนหมิง จัดเป็นป่าหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีพื้นที่มากถึง 350 ตารางกิโลเมตร แต่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเพียง 12 ตาราง กิโลเมตรเท่านั้น เดิมทีหินปูนเหล่านี้อยู่ใต้ผิวโลก แต่ภายหลังได้ถูกดันขึ้นมาในลักษณะเดียวกับหินงอก เชื่อกันว่าป่าหินแห่งนี้มีอายุราว 270 ล้าน ปีเลยทีเดียว 











มัลดีฟเมืองไทย

              ลักษณะของรีสอร์ทก็เป็นแพๆลอยน้ำน่ะครับ ดูคร่าวๆเหมือนกับบ้านพักแบบ water bungalow แถวๆมัลดัฟส์ (ต่างจากมัลดีฟส์ตรงที่ลอยน้ำน่ะล่ะครับ ที่มัลดีฟส์จริงๆจะเป็นบ้านมีเสาอยู่ในน้ำกันเลย) และที่สำคัญ ภายในห้องพักยังสวยงามมากๆอีกด้วย



                        นอกจากนั้นก็มีห้องพักแบบเชิงเขา แล้วก็มีลานกางเต้นท์ด้วยครับและกืจกรรมต่างๆก็มี คลับเฮาส์ ร้านอาหาร เครื่องเล่นกีฬาทางน้ำ เจ็ทสกี เรือพาย บานาโบ๊ท โดนัท มีนำเที่ยวทางน้ำโดยเรือและเจ็ทสกี




                  สัมผัสบรรยากาศทางธรรมชาติ ในทะเลสาปเหนือเขื่อนศรีนครินทร์ อากาศบริสุทธิ์ยามเช้า ท้องฟ้าสวยงาม ยามเย็น เนินเขาที่อุดมสมบูรณ์ ต้นไม้ใหญ่ สวนดอกไม้และพื้นหญ้าเขียวขจี ผืนน้ำกว้างใหญ่ พักผ่อน เดินทางชมสถานที่ท่องเที่ยวในเขตจังหวัดกาญจนบุรี ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ 

                 รีสอร์ทหรูสไตล์มัลดีฟ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก บริการตลอด 24 ชม. ลานจอดรถกว้างขวาง สะดวกปลอดภัย ท่าเรือลงน้ำ สำหรับเครื่องเล่นกีฬาทางน้ำ ไฟฟ้า น้ำประปา เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น ไมโครเวฟ ไดร์เป่าผม ยูบีซี อินเตอร์เน็ตไร้สาย 

                 มีบริการบ้านพักลอยน้ำ ที่พักเชิงเขา วิวรอบทิศ คลับเฮาส์ ร้านอาหาร เครื่องเล่นกีฬาทางน้ำ เจ็ตสกี เรือพาย บานาโบ๊ท โดนัท มีนำเที่ยวทางน้ำโดยเรือและเจ็ตสกี 

สนใจติดต่อสอบถามและจองที่พัก : 

Ruknam Resort รักน้ำรีสอร์ท กาญจนบุรี 
Tel. 086 0142352

เขาค้อ เพชรบูรณ์ สัมผัสสายลมหนาวและไอหมอก

เขาค้อ เป็นอีกสถานที่ชื่อดังในเมืองไทยที่ว่ากันว่าอากาศดีสุดๆ จนได้รับฉายาว่า "สวิสแลนด์แดนสยาม" หลายคนที่เคยมาพักผ่อนติดอกติดใจจนต้องมาเป็นครั้งที่สอง และในครั้งที่สองเราอยากจะขอแนะนำให้ไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวในเขตทหารบนยอดเขาค้อที่คุณอาจเคยพลาดไป และจะเป็นการดีมากหากใครที่ยังคิดเคืองติดใจกับทหารที่มีแต่ข่าวไม่ดีเราจะได้รู้ว่าพวกเขาก็คือคนที่ติดทองอยู่หลังพระทุกที่ทั่วแดนไทย ไม่เว้นแม้แต่สถานที่ท่องเที่ยว


เริ่มต้นที่ อนุสาวรีย์จีนฮ่อ ตั้งอยู่เลย กม. 23 ของทางหลวงหมายเลข 2196 ไปเล็กน้อย เป็นอนุสาวรีย์ ทหารอาสา จากหน่วยรบกองพันที่ 93 ซึ่งมาช่วยรบในพื้นที่เขาค้อและเสียชีวิตในการสู้รบที่ตรงนี้เป็นอีกจุดนึกที่เราจะได้สัมผัสบรรยากาศยามเช้าแบบสดชื่นๆ และได้ซึมซับกับความเสียสละของเหล่าวีรชนที่ต้องสละชีวิตเพื่อแผ่นดิน ต่อลงมาที่ฐานอิทธิ สถานที่เรียนรู้สำหรับเยาวชนที่มีใจรักในการเป็นทหาร ผู้ปกครองจะสามารถปลูกผังพวกเขาด้วยการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ทางทหารอย่างสำราญ ฐานอิทธิตรงนี้เป็นจุดหนึ่งที่มองเห็นทิวทัศน์ และเป็นฐานสำคัญฐานหนึ่งในการเข้ายึดพื้นที่ ปัจจุบันทางการได้จัดให้เป็นพิพิธภัณฑ์อาวุธเปิดให้คนได้เข้าชมทุกวัน โดยการนำอาวุธปืนใหญ่ ซากรถถัง และอาวุธที่ใช้สู้รบในการรบที่บนเขาค้อมากมาย รวมทั้งการจัดห้องบรรยายสรุปแก่ผู้เข้าชมเป็นหมู่คณะด้วย คิดค่าชมคนละ10 บาท และเชื่อเลยว่าน้องหนูทั้งหลายจะปันใจให้กับเสื้อสีเขียวแล้ว ในส่วนของการเดินมาที่นี้ให้ใช้ตามทางหลวงหมายเลข 2196 เลยกม. 28 ไปเล็กน้อย แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 2323 ไปประมาณ 3 กม. รวมระยะทางประมาณ 31 กม.



มาที่บนยอดสูงสุดของเขาค้อด้วยเส้นทางเดียวกันกับฐานอิฐอยู๋เลยไปซะหน่อย จะมีอนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเทอดทูนวีรกรรมของพลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่ได้พลีชีพในการสู้รบเพื่อปกป้องพื้นที่ในเขตรอยต่อ 3 จังหวัด คือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2511-2525 โดยสร้างเป็นรูปสามเหลี่ยมเป็นหินอ่อนทั้งหมด หมายถึงการปฏิบัติการร่วมกันระหว่างพลเรือน ตำรวจ ทหาร ฐานอนุสรณ์กว้าง 11 เมตร หมายถึง ปี พ.ศ.2511 อันเป็นปีที่เริ่มปฏิบัติการรุนแรงของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ความสูงจากแท่นบูชาถึงยอดอนุสรณ์สถานสูง 24 เมตร หมายถึง ปี พ.ศ.2524 อันเป็นปีที่เริ่มยุทธการครั้งใหญ่ ความสูงจากฐานถึงยอดอนุสรณ์สถาน 25 เมตร หมายถึง ปี พ.ศ.2525 อันเป็นปีสิ้นสุดการรบ ความกว้างฐานสามเหลี่ยมด้านละ 2.6 เมตร หมายถึง ปี พ.ศ.2526 ซึ่งเป็นปีที่สร้างอนุสรณ์สถานแห่งนี้ ผนังภายในบันทึกประวัติอนุสรณ์ผู้เสียสละ และรายชื่อวีรชนผู้เสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติ อีกหนึ่งที่ที่มีความสวยงามเล็กบนเขาค้อ เจดีย์พระบรมสารีริกธาตุเขาค้อ ถูกสร้างตั้งอยู่บนยอดเขาติดกับหอสมุดนานาชาติเขาค้อ บ้านกองเนียม ต.เขาค้อ ที่ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งอันเชิญมาจากประเทศศรีลังกา เจดีย์แห่งนี้ชาวเพชรบูรณ์สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ครบ 50 ปี ในวันสำคัญทางศาสนาจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวมาร่วมกันประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเช่น พิธีเวียนเทียน เป็นประจำในเดือนธันวาคมของทุกปีจะมีการจัดงาน "วันนัดพบเอกอัครราชทูต ณ เขาค้อ" โดยเชิญเอกอัครราชทูตจากประเทศต่างๆมาร่วมชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมของจังหวัด หากมีโอกาสอย่าลืมแวะเวียนไปกราบไหว้ให้เสียเที่ยวเชียว



 มาถึงที่สุดท้าย พระตำหนักเขาค้อ พระตำหนักตั้งอยู่บนเขาย่าซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเขาค้อ ทางขึ้นค่อนข้างชันมากควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ พระตำหนักนี้สร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่องค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสที่เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรงานโครงการในพระราชดำริและทรงตรวจเยี่ยมราษฎร อ.เขาค้อ และอาคารคอนกรีตครึ่งวงกลมมีทั้งหมด15ห้อง เป็นพระตำหนักแห่งนี้มีรูปทรงแปลกกว่าพระตำหนักอื่นๆ บริเวณโดยรอบของพระตำหนักได้จัดตกแต่งด้วยพันธุ์พืช ไม้ดอกเมืองหนาวหลากชนิดลงตัวกันได้อย่างสวยงาม การเดินทาง ทางหลวงหมายเลข 2196 อีกประมาณ 33 กม. ด้วยความลดเลี้ยวเคี้ยวคดขอให้ทุกคนเดินทางอย่าประมาทและไม่ทัวร์รถบัสไม่สามารถขึ้นได้

ความสนุกสนานข้างบนเขาค้อยังมีน้ำตกและแห่ลงแอนเวนเจอร์ที่หลากหลายสไตล์ที่คุณจะได้สัมผัส และเราก็หวังว่าคุณจะไม่พลาดที่จะไปสูดอากาศดีๆ เข้าปอดกันนะ

ตลาดร่มหุบ สนุกชม ชิม ช็อป

ตลาดร่มหุบ หรือเรียกอีกชื่อว่า ตลาดแม่กลอง แต่ชาวบ้านจะเรียกกันว่า ตลาดเสี่ยงตาย เป็นตลาดที่ติดอยู่กับสถานีรถไฟแม่กลอง และวางสินค้าบนรางรถไฟ เมื่อรถไฟผ่านมา พ่อค้าแม่ค้าจะรีบหุบร่มกันอย่างพร้อมเพรียง  ซึ่งเป็นที่มาของชื่อตลาดแห่งนี้นี่เอง และเมื่อมาถึงตลาดร่มหุบก็พลาดไม่ได้กับการซื้อปลาทู หน้างอ คอหัก สุดยอดปลาทูแม่กลอง เนื้อแน่น รสชาติอร่อยกว่าที่ไหนๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดสมุทรสงคราม นอกจากนี้ยังสามารถเลือกซื้อผักผลไม้หลากหลายชนิด ขนมหวานของไทยชนิดต่างๆ ปลาสด ปลาแห้ง ปู หมึก กุ้ง หอยดอง ติดไม้ติดมือกลับบ้านได้



ตลาดร่มหุบ มีพ่อค้าแม่ค้ามาเริ่มค้าขายกันบริเวณนี้ประมาณปี พ.ศ. 2527 ตั้งแผงที่สองข้างทางรถไฟ ส่วนลูกค้าก็อาศัยทางรถไฟเป็นถนน ทางรถไฟสายนี้มีรถไฟขบวนสั้นวิ่งจากสถานีบ้านแหลม ถึงสถานีแม่กลอง เมื่อรถไฟแล่นผ่าน เหล่าพ่อค้าแม่ค้าก็จะพร้อมใจหุบร่มกันอย่างรวดเร็ว แล้วเมื่อรถไฟผ่านไปทุกสิ่งืกอย่างก็จะกลับเข้าสู่สภาพปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่กระจาดกระบุง ตระกร้า จะถูกจัดวางเข้าๆ ออกๆ อย่างรวดเร็วภายในพริบตา ทำให้นักท่องเที่ยวนอกจากจะมาซื้อหาของกินอร่อยๆ แล้ว ยังสนใจที่จะเข้ามาชมวิถีการดำเนินชีวิตของพ่อค้าแม่ค้าในตลาดแห่งนี้ ซึ่งต้องรู้เวลาเดินรถไฟด้วย ถึงจะเห็นภาพความสามารถในการหุบร่มในระหว่างที่รถไฟกำลังแล่นผ่าน


กำหนดเวลาเดินรถไฟสายแม่กลอง-บ้านแหลม เวลาเข้า-ออก คือ ออก 06.20 น., 09.00 น., 11.30 น., 15.30 น. และ เข้า 8.30 น., 11.10 น., 14.30 น., 17.40 น.
   
ตลาดร่มหุบ เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00-17.00 น.


สอบถามเพิ่มเติม
เทศบาลเมืองสมุทรสงคราม โทร. 0 3471 1343
สถานีรถไฟแม่กลอง โทร. 0 3471 1906